ใครชอบประวัติศาสตร์ การท่องเที่ยว และการทำบุญ มีสถานที่หนึ่งที่ตอบโจทย์ได้ดีมากนั่นก็คือ วัดมหาธาตุ จ.อยุธยา ค่ะ วัดแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เก่าแก่ มีประวัติมายาวนานและมีความสำคัญกับชาวอยุธยามาก รวมถึงมีโบราณสถานที่สวยงามทำให้ใคร ๆ ก็เลือกจะมาเยี่ยมชมที่นี่ไม่เคยขาด ดังนั้นสำหรับใครที่กำลังคิดว่าจะไป หรืออยากหาประวัติของที่นี่เพิ่มเติม เราได้รวบรวมมาให้คุณแล้วค่ะ รับรองเลยว่าใครที่มองหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนจะไปเที่ยวต้องเต็มอิ่มมากแน่นอน
ที่มาภาพ: https://www.flickr.com
ประวัติวัดมหาธาตุ
วัดมหาธาตุแห่งนี้อยู่ในเขตอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ตั้งอยู่ใกล้วัดราชบูรณะ และเป็นพระอารามหลวงซึ่งสร้างในสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 ขุนหลวงพะงั่ว ช่วงปี พ.ศ. 1917 แต่ในตอนนั้นยังสร้างไม่เสร็จดี พระองค์ก็ทรงเสด็จสวรรคตก่อน หลังจากนั้นก็มีการสร้างต่อเติมจนกระทั่งมาเสร็จในสมัยสมเด็จพระราเมศวร โดยพระองค์ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระปรางค์ประธาน และอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้ใต้ฐานพระปรางค์ประธานของวัดในช่วงปี พ.ศ. 1927 ค่ะ
ในสมัยนั้น วัดมหาธาตุถือว่าเป็นศูนย์กลางของเมืองเลยก็ว่าได้ เพราะมักจะมีการจัดพระราชพิธีต่าง ๆ ขึ้นที่นี่ อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่เกิดเหตุการณ์ประวัติศาสตร์สำคัญขึ้น นั่นก็คือ พระศรีศิลป์และจหมื่นศรีสรรักษ์ใช้เป็นที่ซุ่มพลก่อนจะยกพลเข้าจับกุมสมเด็จพระศรีเสาวภาคย์
ที่มาภาพ: https://www.flickr.com
และด้วยความที่วัดนี้เป็นที่พำนักของสมเด็จพระสังฆราชฝ่ายคามวาสีด้วย ทำให้มีการก่อสร้างและดูแลอยู่ตลอด อย่างช่วงหนึ่งยอดพระปรางค์พังลงมาจนเกือบครึ่ง และมีการต่อเติม บูรณะใหม่ จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 วัดแห่งนี้ถูกทำลายจนเหลือเพียงซากปรักหักพัง และถูกทิ้งร้างไว้นานหลายร้อยปี
สิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ภายในวัดมหาธาตุ
ถึงแม้ว่าวัดมหาธาตุจะสูญเสียความสวยงามในอดีตไป แต่โครงสร้างและสิ่งที่หลงเหลือให้เราได้เห็นก็ยังคงความสวยงามไม่เปลี่ยน ดังนั้นใครที่ไปเที่ยวก็จะได้เห็นสิ่งเหล่านี้แน่นอน เริ่มเลยที่อันดับแรก สิ่งที่ทุกคนให้ความสนใจมากที่สุด
1. เศียรพระในรากของต้นโพธิ์
ใครไปวัดมหาธาตุแล้วไม่ได้ไปถ่ายรูปที่จุดนี้แสดงว่ายังไปไม่ถึง เพราะนี่ถือเป็นจุดเด่นที่ต้องมาเช็คอินกันเลย ว่ากันว่าสาเหตุที่เศียรพระมาอยู่ในต้นไม้แบบนี้อาจเพราะว่าเศียรพระอาจจะหักลงมาในสมัยกรุงแตก เป็นจังหวะเดียวกับที่ต้นโพธิ์เจริญงอกงามขึ้นมาพอดี ทำให้รากไม้ขึ้นปกคลุม กลายมาเป็นภาพที่ทุกคนเห็นในปัจจุบัน
2. พระปรางค์ประธานขนาดใหญ่
ปัจจุบันพระปรางค์ประธานนี้พังทลายลงมาแล้ว ทำให้ไม่สามารถเห็นความงามในอดีตได้อย่างครบถ้วน แต่ครั้งหนึ่งเคยมีราชทูตลังกามาเยี่ยมชมวัดแห่งนี้และบอกไว้ว่า บริเวณฐานของพระปรางค์มีรูปสิงโต หมี หงส์ นกยูง กินนร โค สุนัขป่า กระบือ มังกร ประดับอยู่ โดยอาจจะสื่อถึงสัตว์ป่าในป่าหิมพานต์รอบเชิงเขาพระสุเมรุค่ะ และในส่วนของพระบรมสารีริกธาตุได้มีการย้ายไปประดิษฐานที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พระนคร ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2499 แล้ว
3. พระปรางค์ขนาดกลาง
พระปรางค์ขนาดกลางจะอยู่บริเวณด้านนอกของวิหารคด และวิหารคดที่ว่านี้ก็จะอยู่รอบพระปรางค์องค์ใหญ่อีกทีค่ะ โดยภายในพระปรางค์ขนาดกลางจะมีภาพจิตกรรมฝาผนัง เรือนแก้ว ซึ่งเป็นภาพตอนหนึ่งในพระพุทธประวัติค่ะ
4. ตำหนักสมเด็จพระสังฆราช
ตำหนักนี้อยู่บริเวณพื้นที่ว่างทางด้านทิศตะวันตก ว่ากันว่าสมัยก่อนเป็นตำหนักที่สวยงามมาก ทำจากไม้สลักลวดลายอย่างสวยงามและปิดด้วยทอง นอกจากนี้ยังมีม่านปักทอง พื้นพรม และมีเชิงเทียนทองเหลืองและระย้าสำหรับแขวนเพดาน แต่ว่าปัจจุบันของเหล่านั้นพังเสียหายหมดแล้วจากครั้งที่เสียกรุง เหลือเพียงซากปรักหักพังให้เราได้เห็นกันเท่านั้นค่ะ
5. เจดีย์แปดเหลี่ยม
เจดีย์แปดเหลี่ยมของที่นี่มีความพิเศษมาก เพราะว่าใน จ.อยุธยา มีแค่วัดนี้เท่านั้นที่มีเจดีย์แปดเหลี่ยม โดยชั้นบนสุดประดิษฐานด้วยพระปรางค์ขนาดเล็ก
ที่มาภาพ: https://www.flickr.com
ถึงจะเป็นเรื่องน่าเศร้าที่ตอนนี้เราคงไม่ได้เห็นความสวยงามของวัดมหาธาตุอย่างที่คนสมัยก่อนเคยได้เห็น แต่จากสิ่งที่เหลืออยู่ก็ทำให้เห็นแล้วว่าคนไทยมีฝีมือมากแค่ไหนถึงได้สามารถสร้างสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ออกมาอย่างประณีตขนาดนี้ ดังนั้นใครที่ยังไม่เคยไปวัดมหาธาตุ เราต้องบอกเลยว่าควรไปให้ได้สักครั้งในชีวิตจริง ๆ ค่ะ