วัดพระศรีสรรเพชญ์

เครดิตรูปภาพ: Suttipong Kehawan

วัดพระศรีสรรเพชญ์เป็นวัดเก่าแก่ที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองมาอย่างยาวนาน ใครหลายคนที่เคยไปเยี่ยมชมมาแล้วนั้นล้วนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ที่นี่เป็นสถานที่ทรงคุณค่า ไม่ควรพลาด และควรต้องไปสักครั้งหนึ่งในชีวิต เพราะฉะนั้นบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับประวัติของวัดพระศรีสรรเพชญ์คร่าว ๆ และเจาะลึกเรื่องราวเขย่าขวัญซึ่งเป็นที่เลื่องลือของที่นี่ไปพร้อม ๆ กันค่ะ

ประวัติวัดพระศรีสรรเพชญ์

วัดพระศรีสรรเพชญ์ตั้งอยู่ที่ตำบลประตูชัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สร้างขึ้นบริเวณพระราชวังเดิมของพระเจ้าอู่ทอง (สมเด็จพระรามาธิบดีที่1) และในช่วงของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ พระองค์ทรงยกบริเวณพระราชวังเดิมนี้ให้เป็นพุทธาวาสของวัดพระศรีสรรเพชญ์ และเป็นสถานที่สำหรับพระมหากษัตริย์ทรงใช้ประกอบพิธีพระราชพิธีทางศาสนาส่วนพระองค์และบรมราชวงศ์ ทั้งพระราชพิธีอื่น ๆ โดยวัดนี้เป็นวัดหลวงในพระราชวังโบราณ ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา และยังเป็นวัดต้นแบบของวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้วในจังหวัดกรุงเทพมหานครอีกด้วย

เครื่องบูชาพระเจดีย์ใหญ่ 3องค์ภายในวัดพระศรีสรรเพชญ์

เครดิตรูปภาพ: Grassroot

ในปัจจุบันวัดพระศรีสรรเพชญ์กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันโด่งดังสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศ และต่างประเทศเพราะความสวยงามที่แสดงถึงความเป็นไทยจึงทำให้ผู้คนติดตาตรึงใจ และยิ่งไปกว่านั้น วัดนี้ยังเป็นวัดต้นแบบของวัดพระแก้วจึงทำให้ผู้คนก็ต่างอยากจะรู้เค้าโครงเดิมที่ยังไม่ถูกสร้างใหม่ว่าเป็นอย่างไรนั่นเองค่ะ

และแน่นอนค่ะวัดเก่าแก่ที่อยู่มายาวนานย่อมมีประวัติต่าง ๆ มากมายที่เราอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน เพราะเรื่องราวส่วนใหญ่นั้นเล่าปากต่อปากกันมาจากชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ใกล้ ๆ กับแถวนั้น และคนที่เคยไปเยี่ยมชมมาค่ะ

เรื่องเล่าของวัดพระศรีสรรเพชญ์

อย่าหยิบอะไรกลับไป

พระเจดีย์สามองค์ วัดพระศรีสรรเพชญ์

เครดิตรูปภาพ: กสิณธร ราชโอรส

เรื่องนี้เกิดขึ้นกับชายรายหนึ่งที่ได้มาเล่าเรื่องราวสุดหลอนผ่านกระทู้พันทิปเมื่อปี 2560 โดยเขาเล่าว่า เมื่อตอนเขาอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนได้พานักเรียนไปทัศนศึกษาที่วัดต่าง ๆ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งหนึ่งในวัดที่เขาจำได้ไม่เคยลืมเลยก็คือ “วัดพระศรีสรรเพชญ์” เมื่อเขามาถึงไกด์ก็ได้พาเดินชมไปยังจุดต่าง ๆ ภายในวัดจนมาถึงซากพระพุทธรูปปรางสมาธิที่ถูกทำลายเมื่อในอดีต ไกด์ได้เตือนทุกคนว่า “อย่าหยิบจับอะไรไป” แต่ด้วยความคึกคะนอง เขาจึงหยิบเศษปูนบริเวณหัวเข่าของพระพุทธรูปชิ้นเล็กที่ตกตามพื้น ๆ ไปสามสี่ชิ้น และเอาไปโชว์เพื่อน ๆ ว่าเขานั้นได้แอบหยิบออกมา ไม่เห็นว่าเขาจะเป็นอะไรเลย พอถึงเวลาที่จะขึ้นรถบัสกลับนั้นเขาได้เอามือล้วงกระเป๋ากางเกงเพื่อจะหยิบเศษเหรียญขึ้นมาก็ต้องตกใจ เพราะเขาดันเก็บเศษปูนที่ว่านั้นกลับมาด้วย ซึ่งตัวเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากจึงหยิบเศษปูนมาวางทิ้งไว้ตรงขอบกระจกรถบัส ในคืนนั้นเองที่เขากำลังนอนหลับเขาสะดุ้งตื่นขึ้นเพราะความรู้สึกเจ็บและปวดที่หูทั้งสองข้าง มีเหงื่อไหลออกมามากกว่าปกติทั้ง ๆ ที่ห้องของเขาก็เปิดแอร์ไว้ เขาปวดอยู่อย่างนั้นจนเผลอหลับไปและฝันว่าเขากำลังวิ่งเข้าไปในโบสถ์พระเพื่อหนีชายผิวดำร่างสูงใหญ่ นุ่งโจงกระเบนสีแดงถือดาบจะฆ่าเขา พร้อมกับพูดว่า “กูเตือนแล้วไม่ฟัง” ชายหนุ่มรีบยกมือไหว้ขอโทษ และในฝันก็ตัดภาพไปที่พระประธานองค์ใหญ่ข้างหลังเขา ซึ่งก็คือ “หลวงพ่อมงคลบพิตร” โดยเขาเชื่อว่าท่านได้ช่วยเขาจากผู้ชายร่างใหญ่คนนั้น และเขายังทิ้งท้ายไว้ด้วยว่าเขานั้นเข็ดกับเหตุการณ์ณี้ไปจนชั่วชีวิต

ใครขโมยต้องตาย

วัดพระศรีสรรเพชญ์

ชาวบ้านเล่าว่า เมื่อ 50 กว่าปีที่แล้วมีกลุ่มหัวขโมยได้เข้าไปลักลอบขุดหาลายแทงภายในบริเวณวัดพระศรีสรรเพชญ์ จนพบกับลายแทงสมบัติที่ซ่อนอยู่ภายในวัดแห่งนี้ ซึ่งมีการฝังสมบัติล้ำค่าไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นทอง เพชรนิลจินดาของคนในสมัยก่อน และชาวบ้านยังบอกอีกด้วยว่าพวกคนเหล่านั้นสามารถขุดเจอสมบัติอย่างมากมายแต่ก็ไม่สามารถเอาไปใช้ได้ เพราะพวกเขานั้นพบเจอกับเหตุการณ์ประหลาดหลายอย่าง จนไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ และเสียชีวิตไปกันทุกคน

จากเรื่องราวเล่าขานที่เราได้นำมาแบ่งปันในบทความนี้ล้วนเป็นความเชื่อส่วนบุคคลเท่านั้น ไม่ใช่ทุกคนที่จะเจอกับเหตุการณ์แบบนี้หากปฏิบัติตามกฎที่เขาว่าไว้ หากอยากจะลองของก็ควรลองของในทางที่ดีนั่นก็คือ การไปเยี่ยมชมเพื่ออนุรักษ์ประวัติศาสตร์ที่ได้เคยเกิดขึ้น เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับคนรุ่นหลังสำหรับความสวยงามที่ยังคงอยู่กันดีกว่านะคะ ก่อนจะจากไปอยากเชิญชวนทุกคนไปเที่ยวที่ “วัดพระศรีสรรเพชญ์” กันสักครั้งในชีวิตรับลองว่าจะติดตาตรึงใจอย่างแน่นอนค่ะ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *