
วัดประชาธิปไตยแห่งแรกหลังเปลี่ยนการปกครอง

ที่มาภาพ : เจียวต้าย
หลังมีการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองไปแล้ว 8 ปี ในปี พ.ศ. 2483 คณะรัฐบาลสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม ได้เสนอในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่าจะขออนุมัติสร้างวัดขึ้นใหม่ ให้เป็นอนุสรณ์สถานแห่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และให้ตั้งชื่อวัดว่า “วัดประชาธิปไตย” โดยสร้างให้อยู่ใกล้กับอนุสาวรีย์หลักสี่ด้วยเหตุผลว่า ชาติและศาสนาเป็นของคู่กัน
แต่หลังจากก่อสร้างไปได้ไม่เท่าไหร่ คณะทูตจากไทยที่เดินทางไปประเทศอินเดียก็ได้อัญเชิญ พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าที่ขุดพบที่มหาสถูปธรรมราชิกะ, กิ่งพระศรีมหาโพธิ์จากต้นที่พระพุทธเจ้าประทับตรัสรู้ และดินจากสังเวชนียสถานมาประดิษฐานไว้ที่วัด ทุกฝ่ายจึงลงความเห็นกันว่า เนื่องต้นพระศรีมหาโพธิ์และพระบรมสารีริกธาตุเป็นสิริมงคลแก่วัดจึงขอให้เปลี่ยนชื่อวัดใหม่ จากวัดประชาธิปไตย เป็น “วัดพระศรีมหาธาตุ”
วัดที่ประชาชนเป็นผู้ร่วมสร้าง

ที่มาภาพ : เจียวต้าย
ด้วยความที่รัฐบาลในสมัยนั้นเห็นว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ จึงมีมติว่าการสร้างวัดนี้ควรเป็นเรื่องของทุกคน โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมด้วยการบริจาคเงินสร้างวัดตามกำลังศรัทธา ซึ่งก็มีคนบริจาคทั้งที่ดิน เงิน และทรัพย์สินอื่น ๆ กันเป็นจำนวนมาก จนสามารถสร้างวัดเสร็จสมบูรณ์ มีการทำพิธีเปิด และถวายเป็นเสนาสนะแห่งพระภิกษุสงฆ์เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2485
วัดพระศรีมหาธาตุในปัจจุบัน

ปัจจุบัน วัดพระศรีมหาธาตุเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร ที่ผู้คนนิยมมาเยี่ยมชม ทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคล และประกอบพิธีทางศาสนาต่าง ๆ นอกจากนี้ภายในวัดยังมีสิ่งปลูกสร้างและปูชนียวัตถุสำคัญของวัดอยู่หลายอย่าง ให้คนไทยและนักท่องเที่ยวได้ไปสักการะบูชา และศึกษาประวัติศาสตร์ของประเทศ
รายชื่อสิ่งปลูกสร้างและปูชนียวัตถุสำคัญของวัด

- พระเจดีย์ศรีมหาธาตุ – เป็นเจดีย์ทรงกลมขนาดใหญ่ ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งทำการอัญเชิญมาจากประเทศอินเดียและทำที่บรรจุเมื่อปี พ.ศ. 2484 และมีการสร้างเป็นเจดีย์ 2 ชั้น ชั้นนอกเป็นเจดีย์องค์ใหญ่ ชั้นในเป็นเจดีย์องค์เล็ก สามารถเดินรอบเจดีย์ โดยบริเวณผนังเจดีย์องค์ใหญ่มีแผ่นหินบรรจุอัฐิของผู้เสียชีวิต จำนวน 112 ช่อง และเมื่อสังเกตดูจะพบว่าเป็นอัฐิของคนมีชื่อเสียงหลายคน และทุกคนล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงในปี พ.ศ. 2475 เช่น จอมพล ป.พิบูลสงคราม พันเอกพระยาทรงสุรเดช พลเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกยกย่องให้เป็นผู้ทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ
- พระอุโบสถ – มีลักษณะเป็นรูปทรงพระที่นั่งจตุรมุข โดยมุขทางด้านหน้าเป็นทางเข้า มุขทางด้านหลังเป็นที่ประดิษฐานพระศรีสัมพุทธมุนี ซึ่งเป็นพระประธานในพระอุโบสถ มุขทางด้านเหนือเป็นที่นั่งสำหรับสาธุชน มุขทางด้านใต้เป็นที่ตั้งของอาสนะสงฆ์ โดยมุขแต่ละด้านจะมีจิตกรรมฝาหนังที่วาดเป็นภาพจำลองของปูชนียสถานสำคัญตามแต่ละภาคในประเทศ นอกจากนี้ยังมีระเบียงคดล้อมตัวพระอุโบสถอยู่ ซึ่งภายในระเบียงคดนั้นก็มีพระพุทธรูปที่ได้รับถวายมาจากประชาชนและตระกูลต่าง ๆ ประดิษฐานอยู่ด้วย
- ต้นพระศรีมหาโพธิ์ – เป็นต้นเดียวกับที่ได้รับกิ่งมาจากประเทศอินเดีย พร้อมกับพระบรมสารีริกธาตุ และถูกปลูกไว้บริเวณสระน้ำด้านข้างพระเจดีย์ศรีมหาธาตุ
- ศาลาการเปรียญ – ปัจจุบันคือตึกติสสมหาเถระ ซึ่งเป็นอาคารปฏิบัติธรรม มีลักษณะเป็นทรงไทยจตุรมุข 2 ชั้น ชั้น 1 เป็นห้องโถงสำหรับบำเพ็ญกุศลและใช้เป็นห้องประชุม ส่วนชั้น 2 แบ่งออกเป็น 6 ห้อง โดยใช้เป็นห้องเรียนพระปริยัติธรรมของพระภิกษุสามเณร และเปิดเป็นห้องสำหรับสอนพระพุทธศาสนาในวันอาทิตย์ให้เด็กและเยาวชน โดยอาคารนี้ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2510 และตั้งชื่อว่าตึกติสสมหาเถระ เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสฺโส) ผู้เป็นติสสมหาเถระเจ้าอาวาสวัดพระศรีมหาธาตุรูปแรก และปฐมสังฆนายก